Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Travel and Sport
Travel and Sport : โมร็อคโค (ตอนที่ 1)

ชาวอาหรับ เรียกขานดินแดนนี้ว่า "เอล มาห์กริบ อัล อัค ซา" (EL MAHGRIB AL AQSA) ซึ่งหมายถึงดินแดนทางทิศตะวันตกไกลที่สุด นักเดินทางบางคนบอกว่าที่นี่เป็นดินแดนเมืองหนาวที่มีแดดอันร้อนแรงหรือเป็นประเทศที่เย็นที่สุดในหมู่ประเทศที่ร้อนที่สุด ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นคำจำกัดความที่เด่นชัดสำหรับประเทศโมร็อคโค สืบเนื่องจากภูมิประเทศอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่ตั้ง ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของทวีปแอฟริกา อาณาเขตทิศเหนือของประเทศติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทิศตะวันตกทอดตัวยาวขนานไปกับมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศใต้ติดประเทศมอริเตเนีย และทิศตะวันออก ติดประเทศแอลจีเรีย นอกเหนือจากพื้นที่เลาะเลียบริมชายฝั่งที่อุดมสมบูรณ์ทั้งสองด้าน โมร็อคโคยังมีพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่สำหรับการเกษตรกรรมปลูกมันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ แครอท มะเขือเทศ มะกอก ส้ม และเลี้ยงสัตว์ อาทิวัว แพะ แกะ รวมทั้งเทือกเขาที่สำคัญ คือ เดอะ รีฟ (THE RIF) ที่ขนานกับชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และ เทือกเขาแอตลาส (ATLAS MOUNTAIN) ที่พาดผ่านตอนกลางจาก ตะวันออกเฉียงเหนือลงไปยังตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ภูเขาสูงหลายแห่งบนเทือกเขาแอตลาสมีอากาศหนาวเย็นและมีหิมะปกคลุม ในขณะที่เลาะลึกเข้าไปในประเทศบางส่วน เป็นพื้นที่โล่งเตียน โตรกเขา แห้งแล้ง ส่วนทางตอนใต้ของประเทศนั้นจะเป็นเขตของทะเลทรายซาฮาร่าอันกว้างใหญ่ ไพศาล ลึกลับ มีเสน่ห์ ชวนหลงใหล จนถูกจัดให้เป็นดินแดนที่โรแมนติกติดอันดับโลกเลยทีเดียว

ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ฉันเดินทางเข้าออกโมร็อคโคในฤดูกาลที่แตกต่างกัน ทำให้ฉันได้รู้ว่า อากาศที่นี่ยากที่จะคาดเดา และแปรปรวนได้รวดเร็ว หลายครั้งที่ฉันคิดผิด ฤดูหนาวแท้ๆที่เตรียมเสื้อผ้า..แบบจัดหนัก..จัดเต็ม กะว่าจะไปหนาวให้คิดถึงลมร้อนของเมืองไทย กลับมีเพียงแค่ลมเย็นๆ ของแอตแลนติกพัดมาทักทาย แต่บางทริปของฤดูใบไม้ผลิ ที่ตอนเช้าท้องฟ้าแจ่มใส อากาศเย็นสบาย ริมมหาสมุทรแอตแลนติก แต่พอนั่งรถขึ้นเขาไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง กลับกลายเป็นมืดครึ้มด้วยฟ้าฝนหลงฤดู หรือแม้แต่กระทั่งเจอหิมะตกหนักจนทางปิดก็เคยมาแล้ว จนเพื่อนมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ทำงานด้วยกันบ่อยครั้งต้องออกปากแซวประเทศตัวเองว่า อากาศทะเลทรายก็แปรปรวน เหมือนอารมณ์คนทะเลทราย... คงไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เจอฤดูกาลที่แตกต่างได้ขนาดนี้ในวันเดียวกัน ฉันเริ่มคล้อยตาม และคิดว่าทริปหน้านอกเหนือจากต้องเตรียมจัดกระเป๋าให้ดี เตรียมสุขภาพให้แข็งแรง ฉันต้องเตรียมใจให้พร้อมที่จะหนาวเมื่อเข้ามายืนอยู่ใต้ร่มเงาต้นไม้ชายคาบ้านเรือน แต่ร้อนเมื่อตอนออกแดด... ดีไม่ดี ก็มีฝนตก ลมพัดแรงเป็นของแถม

 
 
 
โมร็อคโคเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ เคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส และสเปน เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวยิว และชนพื้นเมืองชาวเบอร์เบอร์ ด้วยเหตุนี้โมร็อคโคจึงรุ่มรวยด้วยศิลปวัฒนธรรมโดยเฉพาะศิลปะของแขกมัวร์ที่ประณีตงดงาม นักท่องเที่ยวที่มาโมร็อคโคล้วนมีความชอบที่แตกต่างกัน บ้างมาเพราะอยากเห็นเมือง คาซาบลังก้า (CASABLANCA) เมืองท่าที่มีบ้านเรือนสีขาวสลับกับต้นปาล์มที่ปลูกเป็นแนวแถวยาวริมมหาสมุทรแอตแลนติก เมืองอาหรับที่ทันสมัยและมีกลิ่นอายของทวีปยุโรป คาซาบลังก้าเป็นเมืองชื่อดังจากภาพยนตร์ ในอดีตเคยเป็นหนึ่งในเมืองท่าโปรตุเกตนอกเหนือจากเมือง อาเซ็มมูร์ (AZEMMOUR), เอลจาดีด้า (EL JADIDA), ซาฟี (SAFI) และเอซาเวร่า (ESSAOUIRA) หนุ่มสาวบางคนก็ฝันอยากมานั่งอูฐไปตามเนินทราย ดูพระอาทิตย์ตกดิน นอนนับดาว เดินเท้าเปล่าให้สัมผัสเม็ดทรายที่แสนละเอียดของทะเลทรายซาฮาร่า บ้างก็มาเพราะอยากเป็นส่วนหนึ่งของตลาดที่มีสีสันและเป็นศูนย์รวมทุกกิจกรรมไว้ด้วยกันอย่าง "เจมาเอล ฟนา" (DJEMMA EL FNA) แห่งเมืองมาราเกซ ตลาดที่นักท่องเที่ยวต้องท่องไว้ว่า "โชว์ดีต้องมีชาร์จ" หรือ "ของฟรีไม่มีในโลก" การถ่ายรูปที่นี่ถือเป็นกิจกรรมเสือปืนไว ระหว่างตากล้องกับผู้ถูกถ่ายรูป เล่นเอาช่างภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นบ่นไปตามๆกัน เนื่องจากต้องคอยเตรียมเงินไว้จ่ายค่าตัวนายแบบ และนางแบบตลอดเวลาที่ยกกล้องและทำท่าเหมือนจะกดชัตเตอร์ และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง ที่นี่เป็นด่านทดสอบความอดทนในการ ต่อรองราคาเป็นอย่างดี ส่วนใครที่มีเวลามากหน่อยก็สามารถนั่งรถม้าที่มีให้บริการอยู่ด้านหน้าจัตุรัส เพื่อชมบ้านเรือนสีส้มอมแดงกับดงปาล์มนับพันต้นที่ยืนเรียงรายริมกำแพงเมือง เพื่อชมบรรยากาศดินแดนโอเอซิสลุ่มแม่น้ำเทนซิฟ เชิงเทือกเขามิดเดิ้ลแอตลาส บ้านแห่งนักรบบนหลังม้าผู้เกรียงไกร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่จะขาดเสียมิได้ของนักท่องเที่ยวที่มามาราเกซ บางคนมาที่นี่เพราะหลงใหลในประวัติศาสตร์ จึงเที่ยวชมเมืองสำคัญที่เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศทั้ง 4 อันได้แก่ ราบัต เฟส เมกเนส และมาราเกช
หรือจะเที่ยวต่อไปยังเมืองโรมันโวลูบิลิส (Volubilis) ชมความงดงามของพื้น โมเสคอายุเกือบ 2000 ปี ก็จะทำให้การเดินทางได้ ครบรสมากยิ่งขึ้น แต่ไฮต์ไลท์ที่ทุกคนรอคอย คงต้องยกให้กับบรรยากาศเมืองอาหรับราตรีปี 2012 ใน "เฟส เอล บาลี" (FES EL BALI) เมืองที่ได้ชื่อว่าตรอก ซอกซอย ถนนหนทาง เยอะเป็นหมื่นซอย!! ชวนให้หลงใหลพอๆกับชวนให้หลงทาง ที่นี่..ในเมดิน่าของเมืองเฟส เมืองหลวงแห่งแรกของประเทศ ที่ที่ฉันหลงใหล ภาพหลุมสีอันฉูดฉาดของบ่อฟอกหนังโบราณอายุหลายศตวรรษ ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น มีคนเคยบอกว่าถ้าเครื่องหนังชั้นดีสมัยนี้นิยมตีตรา "Made in France" เมื่อก่อนนั้นต้อง "Made in Fes" แค่คำกล่าวสั้นๆ ก็ทำให้ฉันรู้ว่า "โมร็อคโค" ไม่ธรรมดา จึงยังสนุกสนาน และมีเรื่องให้ตื่นเต้นทุกครั้งกับการเดินทางท่องไปในประเทศนี้ ฉบับหน้าจะพาท่านเที่ยวไปด้วยกันในเฟส เมืองหลวงแห่งแรกของประเทศ โมร็อคโคค่ะ
 
 

บทความโดย :

คุณธัญญา ศิริวิทย์ (ป๊อป) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลบอล ฮอลิเดย์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในแวดวง การท่องเที่ยวมากว่า 10 ปี

ติดต่อ คุณ ธัญญา ศิริวิทย์ (ป๊อป) ได้ที่

โทรศัพท์ หมายเลข 02-3935855 หรือ อีเมล์ info@globalholidayth.com

AUTHOR


คุณธัญญา ศิริวิทย์ (ป๊อป)
ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลบอล ฮอลิเดย์ จำกัด

RELATED STORY